ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556
๑๐. อุทัยเทวี
๑๐. อุทัยเทวี
เรื่องย่ออุทัยเทวี
ณ เมืองบาดาล ธิดาพญานาคหนีมาเที่ยวเมืองมนุษย์และพบรักกับรุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่ในต้นไม้ริมสระน้ำ ธิดาพญานาคตั้งครรภ์รอจนคลอดเป็นไข่ฟองหนึ่ง จึงใช้สไบห่อไข่และพ่นพิษคุ้มครองไว้ก่อนแล้วลงกลับไปเมืองบาดาล บังเอิญมีนางคางคกผ่านมาเห็นจึง กินไข่และตายด้วยพิษพญานาค พอดีกับไข่ฟักเป็นเด็กหญิงซึ่งคิดว่านางคางคกเป็นแม่ของตน จึงอาศัยอยู่ในซากคางคกเน่าๆตายายสองผัวเมียมาตกปลาพายเรือผ่านมาเห็นเข้าก็ช่วยเลี้ยงดูจนโต ตั้งชื่อให้ว่าอุทัยเทวี และอุทัยเทวีได้แต่งงานกับเจ้าชายสุทธราช ซึ่งก่อนแต่งตากับยาก็ได้มีข้อกำหนดว่า ต้องสร้างสะพานทองตั้งแต่วัง จนถึงบ้านตายยายแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี อุทัยเทวีจึงเป็นสะใภ้แห่งเมืองหลวง มารดาของเจ้าชายไม่ค่อยชอบอุทัยเทวีนัก จึงหาทางให้ลูกของตนเป็นของคนอื่นไป ซึ่งนั่นคือ เจ้าชายต้องไปแต่งงานกับเจ้าหญิงฉันทนา ซึ่งอุทัยเทวีก็ตามไปด้วยตามสัญญา เจ้าหญิงฉันทนาคิดกำจัดอุทัยเทวีโดยฆ่านางอุทัยเทวี แต่พ่อของอุทัยเทวี ช่วยไว้ จึงบอกว่าให้รอแก้แค้นนางฉันทนาอยู่นอกวัง
ต่อมาไม่นานนางฉันทนากลุ้มใจเรื่องผีนางอุทัยเทวีจะมาหลอก หัวจึงหงอก ผมที่เคนดำกลับขาวไปทุกเส้น จึงเอาผ้าพันศีรษะไว้ตลอดเวลา ต่อมานางอุทัยเทวีแปลงกายเป็นแม่ค้าขายขนมแก่ๆผ่านมา ซึ่งผมดำยาวสลวยผิดกับนางฉันทนา นางฉันทนาเห็นเข้าจึง คิดว่ายายแก่คนนี้ก็มีเคร็ดลับในการบำรุงรักษาผมอย่างแน่นอน จึงให้ยายแก่เข้าไปในวัง และให้รักษาผมของตนเองให้ แต่นางอุทัยเทวีก็จะรักษาให้ แต่ต้องยอมให้ทำทุกอย่างห้ามถามอะไรทั้งสิ้น นางฉันทนาตกลง จึงนอนลงแล้วนางอุทัยเทวี ก็เอามีดโกนโกนผมนางฉันทนา ออกจนหมด แล้วกรีดศีรษะนางฉันทนาแล้วเอาปลาร้าให้หม้อครอบหัวนางฉันทนาไว้ และห้ามเอาหม้อออกก่อนวันที่ 7 แต่ไม่ถึงคืนนางฉันทนาทนพิษบาดแผลไม่ไหว จึงสิ้นใจตาย
เจ้าชายสิทธิราช รู้ดังนั้นจึงกลับไปเมืองของตน ซึ่งก็ยังเห็นอุทัยเทวีอยู่ที่เมืองอยู่ก็ทรงโล่งใจ อุทัยเทวี ได้ครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุขตราบนานเท่านาน
๙. ลิลิตพระลอ
๙. ลิลิตพระลอ
เรื่องย่อลิลิตพระลอ
ลิลิตพระลอเป็นเรื่องรักโศก บรรยายถึงความรักระหว่างพระเอก คือ พระลอ และนางเอกสองคน คือ พระเพื่อน และพระแพง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความรักของหญิงชายอีกสองคู่ คือ นางรื่น นางโรย และนายแก้ว นายขวัญ พี่เลี้ยงของพระเพื่อนพระแพง และพระลอ ตามลำดับเนื่องจากเมืองเหนือสองเมืองเป็นศัตรูคู่อริไม่ถูกกัน กษัตริย์เมืองแม้นสรวงพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระลอดิลกราช พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระสิริวรกายงดงามหล่อเหลายิ่ง จนเป็นที่ปรากฏของหญิงทั้งหลาย และยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อว่า เมืองสรอง เมืองนี้ปกครองโดยกษัตริย์พิชัยพิษณุกร
กษัตริย์พิชัยพิษณุกรทีพระราชธิดาอยู่ 2 พระองค์ พระองค์พี่ พระนามาว่า พระเพื่อนแก้ว พระองค์น้องพระนามว่า พระแพงทอง พระราชธิดาทั้งสองสาบานกับเจ้าย่าว่าจะแก้แค้นให้เมืองสรองและถ้าผิดคำสาบาน จะต้องตายด้วยคมของอาวุธ เพราะปู่ของธิดาทั้งสองพ่ายแพ้ศึกเสียทีสวรรคต เจ้าย่าจึงส่งคนไปสีซอให้พระลอฟัง เป็นการพรรณนาความงามของพระเพื่อนกับพระแพง และใช้กฤติยามนต์ (หลอกให้กินสล่าบินหรือหมาก) เพื่อให้พระลอมาที่นี่แล้วให้ ทัพเมืองพะเยาไปตีเมืองแม้นสรวงและลอบปลงพระชนม์พระลอ เมื่อเพื่อนแก้วและแพงทองรู้เรื่องนี้เข้าจึงให้รื่นและโรยช่วยแก้มนต์ให้ รื่นและโรยจึงไปหาประคำมาไว้ใต้ที่นอนของเพื่อนแก้วกับแพงทอง แต่ไม่ได้ผลรื่นและโรยจึงตัดสินใจไปหาปู่เจ้าสมิงพรายก่อนวันฉลองวันครอง ราชย์ของกษัตริย์พิชัยพิษณุกร แต่สายไปปู่เจ้าสมิงพรายมาเข้าทรงเจ้าย่าแล้วจึงหมดทางแก้ไขกฤตยามนต์โดย สิ้นเชิง หลังจากวันนั้นทั้งสองจึงไปขอให้ปู่เจ้าสมิงพรายดลให้พระลอมาถึงโดยเร็วกว่า เดิมเพื่อทูลเตือนให้กลับไปเสีย ปู่เจ้าสมิงพรายก็ให้ความช่วยเหลือ จนพระลอต้องเสด็จมาเมืองสรองในวันพรุ่งนี้
พระลอต้องมนตร์เสน่ห์ของเจ้าย่าและมนต์ของเจ้าสมิงพราย เข้าก็ทรงเกิดความอยากทอดพระเนตรดูพระเพื่อนกับพระแพงขึ้นมาทันที จึงอำลาพระนางบุญเหลือพระราชมารดา และพระนางลักษณวดีพระมเหสี เสด็จโดยด่วยไปยังเมืองสรองพร้อมด้วยนายแก้วนายขวัญสองพระพี่เลี้ยง
เมื่อเสด็จถึงแม่น้ำกาหลง พระลอก็ทรงเสี่ยงน้ำ ปรากฏเป็นลางร้ายไม่ต้องพระทัยเลย แต่ก็ต้องเสด็จต่อไป เพราะต้องมนตร์เสน่ห์ของเจ้าย่าและเจ้าปู่สมิงพรายเข้าแล้ว ปรากฏมีไก่แก้วของเจ้าปู่สมิงพรายคอยวิ่งล่อพระลอ กับพระพี่เลี้ยงให้ต้องไปจนถึงเมืองสรองจนได้ เมื่อไปถึงสวนหลวง นางรื่นกับนางโรยออกมาที่สวนหลวงก็ทราบข่าวว่าพระลอเสด็จมาถึงแล้ว จึงออกอุบายที่สำคัญคือ ให้พระเพื่อนและพระแพงเสด็จออกไปพบพระลอเพื่อเตือนภัย แต่พระลอเห็นความงามของนางทั้งสองจึงไม่ยอมกลับไปแต่สุดท้ายพระลองก็ ต้องกลับไปพร้อมให้สัญญาว่าจะกลับมาหาอีก วันหนึ่งรื่นและโรยเข้ามาในตำหนักและบอกว่ามีพระลอมาขอเข้าเฝ้า นางเห็นว่าถ้าพระลอออกไปก็อันตรายจึงพาพระลอเข้าไปอยู่ในตำหนักพระเพื่อนพระ แพง ส่วนนายแก้วให้อยู่กับนางรื่น นายขวัญให้อยู่กับนางโรย ทุกอย่างลงตัวหมด
เวลาล่วงเลยไปถึงครึ่งเดือน กษัตริย์พิชัยพิษณุกรจึงทรงทราบเมื่อเสด็จมาพระตำหนักพระราชธิดา ทรงเห็นพระลอแล้วก็สงสาร ทรงเมตตารับสั่งให้จัดพิธีอภิเษกสมรสให้ แต่พระเจ้าย่าของพระเพื่อนพระแพง ไม่ทรงชอบพระลอจึงทรงขัดขวางทุกวิถีทาง ทรงอ้างรับสั่งของกษัตริย์พิชัยพิษณุกรว่าให้ทรงสั่งจับพระลอ ทหารจึงพากันจับพระลอไว้ ฝ่ายพระเพื่อนพระแพง และพระพี่เลี้ยงของทั้งสองฝ่ายรวม 4 คนก็ได้ช่วยขัดขวางจนถงที่สุด จนสิ้นพระชนม์และสิ้นชีวิตกันทั้งหมด ก่อนจะสิ้นพระชนม์แพงทองได้เขียนบันทึกเล่มหนึ่งจนเสร็จแล้วม้วนใส่ซองหนัง ไว้ในที่ลับตาคนก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ไป เนื้อหามีอยู่ว่า "หลังจากที่ข้าฯ ตายไป จะเป็นสิบปี.....ร้อยปีหรือพันปี.... ก็ตาม คนที่อยู่เบื้องหลังอาจรำลึกถึงเรื่องราวระหว่างข้าฯ สองพี่น้องกับท้าวเธอดุจนิยายฝันอ้นเลือนลาง จากปากหนึ่ง...ไปสู่อีปากหนึ่ง...ท้ายสุดเรื่องราวของข้าฯ ก็จะมีค่าเป็นเพียงนิยายที่ไร้ความหมายเพียงเพื่อเล่าสู่กันฟังอย่างสนุก สนาน... แต่..คงจะมีสักวันหนึ่งคงจะมีคนมาพบบันทึกเล่มนี้เขาจะได้รู้ความจริงระหว่าง เพื่อนแก้ว ข้าฯ และท้าวเธอ ผู้ทรงนามว่าลอดิลกราช ก่อนจะมีผู้พบบันทึกชื่อเสียงของข้าฯ อาจหมองมัว ข้าฯ อาจจะถูกประณามไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างในฐานะหญิงโฉดเจ้ามารยาที่เอาชนะใจชาย ด้วยมนตรา! ข้าจะไม่แก้ตัวด้วยประการใดทั้งสิ้น แต่ขอวอนท่าให้อ่านบันทึกนี้จนจบ คราวนี้ท่านอาจจะให้อภัยข้าฯ ได้สักน้อยนิดก็ยังดี....บางครา....ท่านอาจเห็นใจข้าฯได้บ้างว่า ความรักของข้าฯ สองพี่น้องต่างหากที่เป็นความรักที่ต้องมนตรามิใช่ท้าวเธอแต่เพียงผู้เดียว" หลังจากข้อความนี้ก็ได้เล่าความเป็นมาทั้งหมด
กษัตริย์พิชัยพิษณุกร เมื่อทรงทราบเรื่องราวก็ทรงให้มีรับสั่งให้จับพระเจ้าย่าและพรรคพวกประหารชีวิตเสียให้ตายตกไปตามกัน เพราะทรงพระพิโรธยิ่งนัก
จากนั้นกษัตริย์พิชัยพษณุกรได้โปรดให้จัดพิธีพระศพอย่างยิ่งใหญ่ นางบุญเหลือพระราชมารดาของพระลอส่งทูตมาร่วมงานพระศพกษัตริย์ (คือพระลอ พระเพื่อนแก้ว และพระแพงทอง) แล้วทรงขอแบ่งพระอัฐิธาตุไปส่วนหนึ่งตั้งแต่นั้นมา เมืองสรองและเมืองแม้นสรวงก็มีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน
ผู้แต่งได้ผูกเรื่องไว้อย่างน่าติดตาม โดยมีบทพรรณนาที่งดงาม มีความหลากหลาย โดยตลอด แม้จะนับเป็นนิยายเรื่องยาว (ความยาวถึง 660 บท) แต่ก็ไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเบื่อ
๘. สังข์ทอง
๘. สังข์ทอง
เรื่องย่อสังข์ทอง
ณ เมืองยศวิมลนคร อันมีท้าวยศวิมลเป็นเจ้าเมือง พระมเหสีจันเทวีได้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ จึงถูกพระนางจันทา มเหสีรอง ใส่ร้ายว่าเป็นกาลีบ้านเมือง จนถูกขับออกจากเมืองไปอยู่กระท่อมตายายที่ชายป่า จนกระทั่งพระสังข์ที่ซ่อนอยู่ในหอย ได้ออกมาพบแม่ สร้างความยินดีกับพระนางจันเทวีมากข่าวล่วงรู้ไปถึงนางจันทา จึงได้ส่งคนมาจับพระสังข์ไปถ่วงน้ำ แต่ท้าวภุชงค์พญานาคราชช่วยเอาไว้ และส่งให้ไปอยู่กับ นางพันธุรัต พระสังข์รู้ว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์จึงขโมยรูปเงาะ ไม้เท้า เกือกแก้ว เหาะหนีมาอยู่บนเขา นางพันธุรัตตามมาทันแต่ ไม่สามารถขึ้นไปหาพระสังข์ได้ จึงได้มอบมนต์มหาจินดา เรียกเนื้อเรียกปลาให้แก่พระสังข์ก่อนที่จะอกแตกสิ้นใจตายที่เชิงเขา นั่นเอง
พระสังข์เหาะมาจนถึงเมืองสามล ท้าวสามลและนางมณฑากำลังจัดพิธีเลือกคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด แต่รจนาพระธิดาองค์สุดท้อง ไม่ยอมเลือกใครเป็นคู่ ท้าวสามลจึงให้คนไปตามเจ้าเงาะมาให้เลือก รจนาเห็นรูปทองที่ซ่อนอยู่ในรูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให้ สร้างความพิโรธให้ท้าวสามาลจึงถึงกับขับไล่รจนาให้ไปอยู่กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะ
ท้าวสามลหาทางแกล้งเจ้าเงาะ โดยการให้ไปหาเนื้อหาปลาแข่งกับเขยทั้งหก เจ้าเงาะให้มนต์ที่นางพันธุรัตให้ไว้เรียกเนื้อ เรียกปลามารวมกันทำให้หกเขยหาปลาไม่ได้ จึงต้องยอมตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกับเนื้อและปลา
ท้าวสามลพิโรธมากจนถึงกับคิดหาทางประหารเจ้าเงาะ ร้อนถึงพระอินทร์ต้องหาทางช่วยโดยการลงมาท้าตีคลีชิงเมือง กับท้าวสามล ท้าวสามลส่งหกเขยไปสู้ก็สู้ไม่ได้ จึงต้องยอมให้เจ้าเงาะไปสู้แทน เจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์และสู้กับพระอินทร์ จนชนะ ท้าวสามลจึงยอมรับพระสังข์กลับเข้าเมืองและจัดพิธีอภิเษกให้
พระอินทร์ไปเข้าฝันท้าวยศวิมล เพื่อบอกเรื่องราวทั้งหมด ท้าวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันเทวีจนพบ และได้เดินทาน ไปเมืองสามลนครเพื่อพบพระสังข์ โดยพระนางจันเทวีได้ปลอมเป็นแม่ครัวในวังและได้แกะสลักเรื่องราวทั้งหมดบนชิ้นฟัก ให้พระสังข์เสวย ทำให้พระสังข์รู้ว่าแม่ครัวคือพระมารดานั่นเอง พระสังข์และรจนาจึงได้เสด็จตามท้าวยศวิมลและพระนาง จันเทวีกลับไปครองเมืองยศวิมลสืบไป
๗. ลิลิตตะเลงพ่าย
๗. ลิลิตตะเลงพ่าย
เรื่องย่อลิลิตตะเลงพ่าย
เริ่มประพันธ์ด้วยการกล่าวชมบารมีและพระบรมเดชานุภาพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แล้วจึงเข้าสู่เนื้อความที่ถอดความได้ดังนี้ สมเด็จพระมหาธรรมราชาได้ทรงสวรรคตจึงมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ซึ่งผู้ที่ได้สืบครองราชย์ต่อคือสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งอาจมีการรบเพื่อแย่งราชบัลลังก์ระหว่างสมเด็จพระนเรศวรกับสมเด็จพระเอกาทศรศถ พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงจึงได้ส่งกองทัพมาเพื่อเป็นการเตือนว่าหากบ้านเมืองกรุงศรีอยุธยาไม่สงบ พม่าพร้อมที่จะโจมตีทันที ซึ่งพระดำรินี้ได้รับความเห็นชอบจากเหล่าขุนนางทั้งหลายก็มีความเห็นตามนี้ พระองค์จึงได้มีรับสั่งให้พระมหาอุปราชาผู้ซึ่งเป็นโอรสและพระมหาราชเจ้านครเชียงใหม่ไปเตรียมกองทัพร่วมกัน แต่โหรได้ทำนายว่าพระมหาอุปราชานั้นจะมีดวงถึงฆาต แต่ด้วยความเกรงในพระบิดาพระองค์จึงไม่ทรงขัดพระทัย ในระหว่างช่วงนั้นสมเด็จพระนเรศวรได้เตรียมกองทัพในการไปท่ำศึกกับกัมพูชาที่ได้นำทัพมารบในขณะที่ไทยกำลังรบอยู่กับพม่า แต่เมื่อทรงทราบว่าพม่าได้ยกทัพมาพระองค์จึงนำกำลังส่วนนี้ไปตั้งทัพรอรับศึกพม่าแทน โดยทรงบัญชาให้ทัพหน้าไปประจำที่ตำบลหนองสาหร่าย ส่วนทัพพม่านั้นได้นำทัพจำนวน 5 แสนชีวิตผ่านด่านเจดีย์สามองค์ ไทรโยคลำกระเพินแล้วจึงเข้ามายึดเมืองกาญจนบุรี จากนั้นได้นำทัพผ่านเข้ามาทางพนมทวน ณ ที่แห่งนี้ได้เกิดลมเวรัมภาที่พัดจนฉัตรพระมหาอุปราชาหักลง ทรงพักค่ายที่ตำบลตระพังตรุ ทางฝั่งสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถเคลื่อนทัพทางน้ำ โดยขึ้นบกที่อำเภอป่าโมกข์ ซึ่งที่นี่ได้เกิดศุภนิมิตขึ้น จากนั้นได้นำพลไปพักค่ายที่อำเภอหนองสาหร่าย ซึ่งได้ทรงทราบว่าทหารพม่ามาลาดตระเวณอยู่ในบริเวณนี้จึงมีพระบัญชาให้กองทัพหน้าเข้าโจมตีทันที แล้วทำทีเป็นถอยร่นเข้ามาเพื่อให้ข้าศึกเกิดความประมาท ซึ่งทัพหลวงจะออกมาช่วยหลังจากนั้น แต่บังเอิญว่าช้างทรงทั้งของสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถนั้นตกมัน จึงหลงเข้าไปอยู่ตรงใจกลางของทัพข้าศึกทำให้แม่ทัพต่างๆเสด็จตามไม่ทัน สมเด็จพระนเรศวรจึงได้กล่าวท้าให้พระมหาอุปราชออกมาทำยุทธหัตถีกัน ท้ายที่สุดสมเด็จพระนเศวรทรงมีชัยเหนือพระมหาอุปราชา เช่นเดียวกับที่สมเด็จพระเอกาทศรถมีชัยเหนือมังจาชโร หลังจากที่กองทัพพม่าแตกพ่ายไป สมเด็จพระนเรศวรได้มีพระบัญชาให้สร้างสถูปเจดีย์ขึ้นที่นี่ แล้วยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา ในเรื่องนี้กวีได้จบเรื่องด้วยการประพันธ์โคลงสดุดีและได้ประพันธ์ถึงทศพิธราชธรรม จักรพรรดิวัตรและปิดเรื่องด้วยชื่อผู้ประพันธ์และจุดประสงค์ในการประพันธ์๖. ปลาบู่ทอง
๖. ปลาบู่ทอง
เรื่องย่อปลาบู่ทอง
เศรษฐีชื่อทารกะมีอาชีพจับปลา มีภรรยา 2 คน เมียหลวงชื่อนางขนิษฐา มีลูกสาวชื่อเอื้อย เมียน้อยชื่อนางขนิษฐี มีลูกสาว 2 คน คนโตชื่ออ้าย คนเล็กชื่ออี่ นางขนิษฐีเมียน้อยมีจิตริษยาเมียหลวง จึงใช้เล่ห์กลมารยาพูดยุแหย่สามีอยู่ตลอดเวลา เช้าวันหนึ่ง ทารกะออกหาปลาพร้อมกับนางขนิษฐา จนกระทั่งสายทอดแหได้ปลาบู่ทองขึ้นมาเพียงตัวเดียว พอนางขนิษฐาขอปลาบู่ทองเพื่อจะให้ลูกสาวเลี้ยงเอาไว้ ทารกะโมโหจึงคว้าพายขึ้นมา ตีนางขนิษฐาด้วยความโกรธ จนนางขนิษฐาสลบ และผลักนางขนิษฐาตกน้ำไป เอื้อยเมื่อขาดแม่แล้ว ก็ถูกนางขนิษฐีพร้อมทั้งลูกสาวทั้งสองรุมกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ และใช้เอื้อยทำงานหนักตลอดเวลา เย็นวันหนึ่งหลังจากที่เอื้อยทำงานบ้านเสร็จแล้วได้มานั่งเล่นที่ท่าน้ำและร้องไห้ด้วยความคิดถึงแม่ นางขนิษฐามีความห่วงใยลูกสาว เมื่อตายไปก็มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง และว่ายน้ำมาที่ท่าน้ำที่เอื้อยนั่งอยู่พร้อมกับร้องเรียกเอื้อย เอื้อยจำเสียงแม่ได้จึงมองหาเสียงนั้นก็เห็นปลาบู่ทอง จึงรู้ว่าแม่มาเกิดเป็นปลาบู่ทอง แม่จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เอื้อยฟัง นางขนิษฐีสืบได้ว่านางขนิษฐามาเกิดเป็นปลาบู่ทอง จึงให้อ้ายไปจับปลาบู่ทองมาทำเป็นอาหาร เมื่อได้ปลามาก็ขอดเกล็ด เอื้อยรีบนำข้าวคลุกรำไปที่ท่าน้ำร้องเรียกหาแม่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ปรากฏร่างของแม่ปลาบู่ทองเลย เอื้อยก็เอะใจแม่จะต้องได้รับอันตรายแน่นอน เอื้อยเดินกลับบ้านด้วยความเสียใจ เป็ดซึ่งเดินป้วนเปี้ยนใกล้ๆ กับที่เอื้อยนั่งทอดอาลัยอยู่ เป็ดได้พูดขึ้นว่าแม่ปลาบู่ทองของเอื้อยตายเสียแล้ว พร้อมทั้งคลายเกล็ดปลาบู่ทองให้เอื้อย เอื้อยจึงเอาเกล็ดปลาบู่ทองมาอธิษฐาน ขอให้แม่เกิดเป็นต้นมะเขือเปราะ และด้วยคำอฐิษฐานนั้นต้นมะเขือเปราะก็ได้เกิดขึ้น เอื้อยดีใจคอยเฝ้ารดน้ำต้นมะเขือทุกวันจนงอกงามมีลูกเต็มต้น นางขนิษฐีแม่เลี้ยงได้รู้เรื่องต้นมะเขือที่เอ้อยปลูกไว้ จึงสั่งให้อ้ายไปตัดทำลายเสีย เอื้อยกลับมาเห็น
ต้นมะเขือถูกฟันทิ้ง เอื้อยเก็บเม็ดมะเขือที่เหลืออยู่ แอบไปอฐิษฐานปลูกให้เป็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง ต้นโพิธิ์เงินโพธิ์ทองงอกงามเป็นประกายระยิบระยับ ท้าวพรหมทัตได้เสด็จออกประพาสป่า ได้พบต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองก็ทรงพอพระทัย ได้รับสั่งให้ทหารถอนต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองเพื่อที่จะนำไปปลูกในพระราชวัง แต่ไม่สามารถถอนขึ้นได้ และทรงทราบว่าเป็นของเอื้อย จึงรับสั่งให้เอื้อยจัดการนำเอาไปปลูกในพระราชวังได้สำเร็จ และเอื้อยก็ได้เป็นพระมเหสีของท้าวพรหมทัต นางขนิษฐีได้ออกอุบายให้อ้ายเข้าวังไปบอกเอื้อยให้รีบกลับมาเยี่ยมพ่อที่บ้าน พ่อป่วยหนัก เอื้อยหลงกลจึงกลับบ้านเมื่อเดินเข้าบ้านก็เหยียบกระดานที่แม่เลี้ยงทำไว้ ตกลงไปในกระทะร้อนที่กำลังเดือดอยู่ ขาดใจตายในทันที หลังจากเอื้อยตายแล้วนางขนิษฐีก็ให้อ้ายแต่งตัวเข้าไปในวังเป็นมเหสีแทนเอื้อย วิญญาณของเอื้อยได้ไปเกิดเป็นนกแขกเต้าและบินกลับมาที่วังได้พบกับท้าวพรหมทัต นกแขกเต้าได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ท้าวพรหมทัตฟังทั้งหมด เมื่อท้าวพรหมทัตทราบดังนั้นจึงได้พระราชทานกรงทองแขวนไว้อยู่หน้าเฉลียงห้องบรรทม วันหนึ่งท้าวพรหมทัตได้เสด็จออกนอกพระราชวัง เพื่อทรงคล้องช้าง อ้ายมีจิตริษยาอยู่แล้ว เมื่อเห็นได้โอกาสเช่นนั้น จึงได้จับนกแขกเต้าออกมาถอนขนจนหมด
ทั้งตัวแล้วส่งให้แม่ครัวนำไปแกงคั่ว ยังไม่ทันที่แม่ครัวจะทำอะไร พอแม่ครัวเผลอ นกแขกเต้าก็หนีกระเสือกกระสนเข้าไปในรูหนู และอาศัยอยู่จนกระทั่งขนขึ้นจนหมดตัวเหมือนเดิม นกแขกเต้าอำลาหนูแล้วบินไปอาศัยอยู่กับพระฤาษี พระฤาษีล่วงรู้อดีตของนกแขกเต้าว่าเป็นมาอย่างไร จึงได้ชุบนกแขกเต้าให้กลับกลายร่างเป็นเอื้อยเหมือนเดิม พร้อมทั้งชุบร่างกุมารน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกคนเพื่อเป็นลูกของเอื้อย ชื่อ ลบกุมาร ลบกุมารอยากไปพบเสด็จพ่อท้าวพรหมทัตจึงอ้อนวอนแม่เอื้อย แม่เอื้อยจึงอนุญาตให้ไปและมอบพวงมาลัยปริศนาให้ลบกุมารคล้องคอไปด้วย เมื่อลบกุมารได้พบท้าวพรหมทัต และได้ทรงเห็นพวงมาลัยที่คล้องคอลบกุมาร ก็แจ้งในพระทัยว่าเอื้อยยังมีชีวิตอยู่ จึงจัดขบวนเสด็จไปรับเอื้อยเข้าพระราชวัง และเอื้อยทูลขอให้รับนางขนิษฐีแม่เลี้ยงและพ่อเข้ามาอยู่ในพระราชวังด้วย ส่วนอ้ายนั้นกลัวถูกประหารชีวิตจึงชิงฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษ ท่านท้าวพรหมทัตและนางเอื้อย ลบกุมารก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
๕. ไกรทอง
๕. ไกรทอง
เรื่องย่อไกรทอง
กาลครั้งหนึ่ง มีถ้ำทองเป็นที่อยู่ของจระเข้ ในถ้ำมีลูกแก้ววิเศษที่ส่องแสงดุจเวลากลางวัน จระเข้ทุกตัวที่เข้ามาในถ้ำจะกลายเป็นมนุษย์ มีท้าวรำไพ เป็นจระเข้เฒ่าผู้ทรงศีล ไม่กินเนื้อมนุษย์และสัตว์ มีบุตรชื่อ ท้าวโคจร และท้าวโคจรมีบุตรชื่อ ชาละวัน วันหนึ่ง ท้าวโคจร เกิดทะเลาะวิวาทกับท้าวแสนตาและพญาพันวัง จระเข้ทั้งสามต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ สุดท้ายทั้งสามก็จบชีวิตลงจากบาดแผลที่เกิดจากการสู้รบกัน
หลังจากนั้น พญาชาละวัน บุตรของท้าวโคจร ก็ได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองถ้ำบาดาลโดยไม่ไม่ใครกล้าท้าทายอำนาจ และได้จระเข้สาวสองตัวเป็นเมียคือ วิมาลา กับ เลื่อมลายวรรณ ด้วยความลุ่มหลงในอำนาจ ชาละวันจึงมีนิสัยดุร้าย และต้องการกินเนื้อมนุษย์ และไม่รักษาศีลเหมือนท้าวรำไพผู้เป็นปู่แต่อย่างใด เพราะถือว่าตนเป็นผู้ปกครองถ้ำ มีอำนาจอยากจะทำอะไรก็ได้
ณ เมืองพิจิตร มีพี่น้องคู่หนึ่ง ชื่อนางตะเภาแก้ว ผู้พี่ และนางตะเภาทอง ผู้น้อง ทั้งสองเป็นบุตรเศรษฐี วันหนึ่งทั้ง 2 ลงไปเล่นน้ำในคลองที่ท่าน้ำหน้าบ้าน กับบ่าวไพร่ด้วยความสนุกสนานอีกหลายคน ในเวลานั้นเจ้าชาละวัน ซึ่งกลายร่างเป็นจระเข้ยักษ์นิสัยอันธพาล ได้ออกจากถ้ำอาละวาดล่าหามนุษย์เป็นเหยื่อ สร้างความวุ่นวายไปทั่วเมือง และได้ว่ายน้ำผ่านมาเห็นตะเภาทองที่แม่น้ำหน้าท่านเศรษฐี ก็เกิดความลุ่มหลงทันทีจึงคาบนางแล้วดำดิ่งไปยังถ้ำทองด้วยความเหิมลำพอง
เมื่อนางตะเภาทองฟื้นขึ้นมา ก็ตกตะลึกในความสวยของถ้ำ และได้เห็นพญาชาละวัน ซึ่งกลายร่างเป็นชายรูปงาม เจ้าชาละวันก็เกี้ยวพาราสีแต่นางไม่สนใจ ชาละวันจึงใช้เวทมนตร์สะกดให้นางหลงรักและยอมเป็นภรรยา เมียของชาละวันคือ วิมาลา และเลื่อมลายวรรณ เห็นก็ไม่พอใจและหึงหวงแต่ก็ห้ามสามีไม่ได้
ท่านเศรษฐีเสียใจมาก จึงประกาศไปว่าใครที่พบศพนางตะเภาทอง และสามารถปราบจระเข้ตัวนี้ได้จะมอบสมบัติของตนเองให้ครึ่งหนึ่ง และจะให้แต่งงานกับนางตะเภาแก้ว..และแล้วก็ได้ ไกรทอง หนุ่มรูปหล่อจากเมืองนนทบุรี ซึ่งได้ร่ำเรียนวิชาการปราบจระเข้จากอาจารย์คง จนมีความเก่งกล้า ฤทธิ์อาคมแกร่ง ได้รับอาสามาปราบเจ้าชาละวัน ..
ก่อนพบเจอเหตุร้าย เจ้าชาละวันได้นอนฝันว่า มีไฟลุกไหม้และน้ำท่วมทะลักเข้าถ้ำ เกิดแผ่นดินไหวแปรปรวน ทันดใดนั้น! ปรากฏร่างเทวดาฝันคอชาละวันขาดกระเด็น จึงได้นำความฝันไปบอกกล่าวกับปู่ท้าวรำไพ เพราะเหตุการณ์ในความฝันเป็นลางร้าย เจ้าชาละวันต้องจำศีลในถ้ำ 7 วัน ถ้าออกไปนอกถ้ำจะพบภัยพิบัติถึงชีวิต วิมาลาจึงรับสั่งให้บริวารจระเข้คาบก้อนหินมาปิดปากถ้ำเอาไว้ เพื่อไม่ให้มนุษย์เข้ามาในถ้ำได้
..รุ่งเช้าไกรทองเริ่มตั้งพิธีบวงสรวงพร้อมท่องคาถา ทำให้เจ้าชาละวันเกิดอาการร้อนลุ่ม วิมาลาได้แต่คอยปลอบใจให้ชาละวันอดทนเข้าไว้ แต่สุดท้ายชาละวันก็ต้องออกจากถ้ำ แปลงกายเป็นจระเข้ขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อต่อสู้กับไกรทอง การต่อสู้ของคนกับจระเข้จึงเริ่มขึ้นไกรทองกระโดดขึ้นบนหลังจระเข้ชาละวันอย่างรวดเร็วและแทงด้วยหอกสัตตโลหะ ทำให้อาคมของเขี้ยวเพชรเสื่อม หอกอาคมได้ทิ่มแทงชาละวันจนบาดเจ็บสาหัส และมันได้รีบหนีกลับไปที่ถ้ำทองทันที
แต่ไกรทองก็ใช้เทียนระเบิดน้ำเปิดทางน้ำ ตามลงไปที่ถ้ำทันที วิมาลาและเลื่อมลายวรรณต้องการของร้องให้ปู่ท้าวรำไพช่วย แต่ท้าวรำไพก็ไม่สามารถช่วยได้ เมื่อมาถึงถ้ำไกรทองได้พบกับ วิมาลา ด้วยความเจ้าชู้จึงเกี้ยวพาราสีจนนางใจอ่อนยอมเป็นชู้ จนนางตกใจวิ่งหนีเข้าถ้ำ ไกรทองจึงตามนางไป ส่วนชาละวันที่นอนบาดเจ็บอยู่ก็รีบออกมาจากที่ซ่อนตัวและได้ต่อสู้กับไกรทองต่อในถ้ำ จนเจ้าชาละวันสู้ไม่ไหวในที่สุดก็พลาดเสียท่าถูกแทงจนสิ้นใจตายตรงนั้น(บางสำนวนก็บอกว่า เจ้าชาละวันถูกหอกอาคมของไกรทองแทงกลางหลัง แล้วร่างก็เปลี่ยนเป็นจระเข้ยักษ์นอนตายอยู่กลางถ้ำทอง) และไกรทองก็ได้พานางตะเภาทองกลับขึ้นมา เศรษฐีดีใจมากที่ลูกสาวยังไม่ตาย จึงจัดงานแต่งงานให้ไกรทองกับนางตะเภาแก้ว พร้อมมอบสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง แถมนางตะเภาทองให้อีกคน
ใจของไกรทองกลับนึกถึงนางวิมาลา จึงไปหาอยู่กินด้วย โดยทำพิธีทำให้นางยังคงเป็นมนุษย์แม้ออกนอกถ้ำทอง นางตะเภาแก้วและนางตะเภาทอง จับได้ว่า สามีไปมาหาสู่ นางจระเข้จึงไปหาเรื่องกับนางในร่างมนุษย์จนนางวิมาลาทนไม่ไหวกลับ ร่างเป็นจระเข้และไกรทองต้องออกไปห้ามไม่ให้เมียตีกันและอำลาจากนางวิมาลาด้วยใจอาวรณ์ สุดท้ายไกรทองก็ปรับความเข้าใจได้กับทั้งสองฝ่าย ทั้งมนุษย์และจระเข้อยู่อย่างสันติ
๔. ขุนช้างขุนแผน
๔. ขุนช้างขุนแผน
เรื่องย่อขุนช้างขุนแผน
กล่าวถึงครอบครัวสามครอบครัว คือ ครอบครัวของขุนไกรพลพ่ายรับราชการทหาร มีภรรยาชื่อ นางทองประศรี มีลูกชายด้วยกันชื่อ พลายแก้ว ครอบครัวของขุนศรีวิชัย เศรษฐีใหญ่ของเมืองสุพรรณบุรี รับราชการเป็นนายกองกรมช้างนอก ภรรยาชื่อ นางเทพทอง มีลูกชายชื่อ ขุนช้าง ซึ่งหัวล้านมาแต่กำเนิด และครอบครัวของพันศรโยธา เป็นพ่อค้า ภรรยาชื่อ ศรีประจัน มีลูกสาวรูปร่างหน้าตางดงามชื่อ นางพิมพิลาไลย
วันหนึ่งสมเด็จพระพันวษา มีความประสงค์จะล่าควายป่า จึงสั่งให้ขุนไกรปลูกพลับพลาและต้อนควายเตรียมไว้ แต่ควายป่าเหล่านั้นแตกตื่นไม่ยอมเข้าคอก ขุนไกรจึงใช้หอกแทงควายตายไปมากมาย ที่รอดชีวิตก็หนีเข้าป่าไป สมเด็จพระพันวษาโกรธมากสั่งให้ประหารชีวิตขุนไกรเสีย นางทองประศรีรู้ข่าวรีบพาพลายแก้วหนีไปอยู่ที่เมืองกาญจนบุรี
ทางเมืองสุพรรณบุรี มีพวกโจรจันศรขึ้นปล้นบ้านของขุนศรีวิชัยและฆ่าขุนศรีวิชัยตาย ส่วนพันศรโยธาเดินทางไปค้าขายต่างเมือง พอกลับมาถึงบ้านก็เป็นไข้ป่าตาย
เมื่อพลายแก้วอายุได้ ๑๕ ปี ก็บวชเณรเรียนวิชาอยู่ที่วัดส้มใหญ่ แล้วย้ายไปเรียนต่อที่วัดป่าเลไลย ต่อมาที่วัดป่าเลไลยจัดให้มีเทศน์มหาชาติ เณรพลายแก้วเทศน์กัณฑ์มัทรี ซึ่งนางพิมพิลาไลยเป็นเจ้าของกัณฑ์เทศน์ นางพิมเลื่อมใสมากจนเปลื้องผ้าสไบบูชากัณฑ์เทศ์ ขุนช้างเห็นเช่นนั้นก็เปลื้องผ้าห่มของตนวางเคียงกับผ้าสไบของนางพิม อธิฐานขอให้ได้นางเป็นภรรยา ทำให้นางพิมโกรธ ต่อมาเณรพลายแก้วก็สึกแล้วให้นางทองประศรีมาสู่ขอนางพิมและแต่งงานกัน
ทางกรุงศรีอยุธยาได้ข่าวว่ากองทัพเชียงใหม่ตีได้เมืองเชียงทอง ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระพันวษาถามหาเชื้อสายของขุนไกร ขุนช้างซึ่งเข้าไปรับราชการอยู่จึงเล่าเรื่องราวความเก่งกล้าสามาราถของพลายแก้ว เพื่อหวังจะพรากพลายแก้วไปให้ห่างไกลนางพิม สมเด็จพระพันวษาจึงให้ไปตามตัวมาแล้วแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพไปรบกับเมืองเชียงใหม่และได้ชัยชนะ นายบ้านแสนคำแมนแห่งหมู่บ้านจอมทอง เห็นว่าพลายแก้วกับพวกทหารไม่ได้เบียดเบียนให้ชาวบ้านเดือดร้อนจึงยกนางลาวทองลูกสาวของตนให้เป็นภรรยาของพลายแก้ว
ส่วนนางพิมพิลาไลย เมื่อสามีจากไปทัพได้ไม่นานก็ป่วยหนักรักษาเท่าไรก็ไม่หาย ขรัวตาจูวัดป่าเลไลยแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง อาการไข้จึงหาย ขุนช้างทำอุบายนำหม้อใหม่ใส่กระดูกไปให้นางศรีประจันกับนางวันทองดูว่าพลายแก้วตายแล้วและขู่ว่านางวันทองจะต้องถูกคุมตัวไว้เป็นม่ายหลวงตามกฎหมาย นางวันทองไม่เชื่อ แต่นางศรีประจันคิดว่าจริง ประกอบกับเห็นว่าขุนช้างเป็นเศรษฐีจึงบังคับให้นางวันทองแต่งงานกับขุนช้าง นางวันทองจำต้องตามใจแม่แต่นางไม่ยอมเข้าหอ ขณะนั้นพลายแก้วกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาและได้บรรดาศักดิ์เป็นแผนแสนสะท้าน จากนั้นก็พานางลาวทองกลับสุพรรณบุรีนางวันทองเห็นขุนแผนพาภรรยาใหม่มาด้วยก็โกรธด่าทอโต้ตอบกับนางลาวทองและลืมตัวพูดก้าวร้าวขุนแผน ทำให้ขุนแผนโมโหพานางลาวทองไปอยู่ที่กาญจนบุรี ส่วนนางวันทองและลืมตัวพูดก้าวร้าวขุนแผน ทำให้ขุนแผนโมโหพานางลาวทองไปอยู่ที่กาญจนบุรี ส่วนนางวันทองก็ตกเป็นภรรยาของขุนช้างอย่างจำใจ
ต่อมาขุนช้างและขุนแผนเข้าไปรับราชการอบรมในวังและได้มหาดเล็กเวรทั้งสองคน วันหนึ่งนางทองประศรีให้คนมาส่งข่าวว่า นางลาวทองป่วยหนัก ขุนแผนจึงฝากเวรไว้กับขุนช้างแล้วไปดูอาการของนางลาวทอง ตอนเช้าสมเด็จพระพันวษาถามถึงขุนแผน ขุนช้างบอกว่าขุนแผนปีนกำแพงวังหนีไปหาดภรรยา สมเด็จพระพันวษาโกรธจึงสั่งให้นำตัวนางลาวทองมากักไว้ในวัง ส่วนขุนแผนให้ไปตระเวนด่านห้ามเข้าวังอีกทำให้ขุนแผนแค้นขุนช้างมากคิดช่วงชิงนางวันทองกลับคืนมา จึงออกหาของวิเศษ ๓ อย่าง คือ ดาบวิเศษ กุมารทอง และม้าฝีเท้าดี ขุนแผนเดินทางไปถึงซ่องโจรของหมื่นหาญก็สมัครเข้าเป็นสมุน วันหนึ่งได้ช่วยชีวิตหมื่นหาญให้รอดพ้นจากการถูกวัวแดงขวิดตาย หมื่นหาญจึงยกนางบัวคลี่ลูกสาวของตนให้เป็นภรรยาของขุนแผน
ต่อมาหมื่นหาญเห็นขุนแผนมีวิชาอาคมเหนือกว่าตนก็คิดกำจัด โดยสั่งให้นางบัวคลี่วางยาพิษฆ่าขุนแผน แต่โหงพรายมาบอกให้ขุนแผนรู้ตัว คืนนั้นพอนางบัวคลี่นอนหลับ ขุนแผนก็ผ่าท้องนางควักเอาเด็กไปทำพิธีปลุกเสกเป็นกุมารทอง ต่อจากนั้นก็ทำพิธีตีดาบฟ้าฟื้นและไปซื้อม้าลักษณะดีได้ตัวหนึ่ง ชื่อ ม้าสีหมอก แล้วขุนแผนก็ไปที่บ้านของขุนช้างสะกดคนให้หลับหมดแล้วขึ้นไปบนบ้านแต่เข้าห้องผิด จึงพบนางแก้วกิริยาและได้นางเป็นภรรยา จากนั้นก็ไปปลุกนางวันทองพาขึ้นม้าหนีเข้าป่าไป ขุนช้างไปฟ้องสมเด็จพระพันวษา พระองค์ให้ทหารตามจับขุนแผน แต่ถูกขุนแผนฆ่าตายไปหลายคน ขุนแผนกับนางวันทองหลบซ่อนอยู่ในป่าจนนางตั้งท้องจึงพากันออกมามอบตัวสู้คดีกับขุนช้างจนชนะคดี ขุนแผนนางวันทอง และนางแก้วกิริยาจึงอยู่ร่วมกันด้วยความสุข แต่ขุนแผนนึกถึงนางลาวทองจึงขอร้องจมื่นศรีเสาวรักษ์ให้ขอตัวนางจากสมเด็จพระพันวษาทำให้พระองค์โกรธว่าขุนแผนกำเริบจึงสั่งจำคุกขุนแผนไว้ นางแก้วกิริยาตามไปปรนนิบัติขุนแผนด้วย ส่วนนางวันทองพักอยู่ที่บ้านของหมื่นศรี ขุนช้างจึงพาพรรคพวกมาฉุดนางวันทองไปเป็นภรรยาอีก ต่อมานางก็คลอดลูกชาย แล้วตั้งชื่อให้ว่าพลายงาม ขุนช้างรู้ว่าไม่ใช่ลูกของตนก็เกลียดชัง วันหนึ่งจึงหลอกพาเข้าไปในป่าทุบตีจนสลบแล้วเอาท่อนไม้ทับไว้ โหงพรายของขุนแผนมาช่วยได้ทัน นางวันทองจึงให้ลูกไปอยู่กับนางทองประศรีที่กาญจนบุรีพลายงามได้ร่ำเรียนวิชาของพ่อเชี่ยวชาญ ขุนแผนจึงพาไปฝากไว้กับหมื่นศรี เพื่อหาโอกาสให้เข้ารับราชการ
ทางฝ่ายพระเจ้าเชียงอินทร์ เจ้าเมืองเชียงใหม่ ให้ทหารไปชิงตัวนางสร้อยทองธิดาพระเจ้าล้านช้างระหว่างที่เดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา เพราะพระเจ้าล้านช้างต้องการเป็นไมตรีด้วยจึงส่งธิดามาถวายตัวแล้วพระเจ้าเชียงอินทร์ยังส่งหนังสือท้าทายสมเด็จพระพันวษาอีกด้วย พลายงามได้โอกาสจึงอาสาออกไปรบ และขอให้ปล่อยขุนแผนออกจากคุกด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันทำศึก ขุนแผนจึงพ้นโทษ ในขณะที่กำลังเตรียมทัพนางแก้วกิริยาก็คลอดลูกเป็นชาย ขุนแผนตั้งชื่อว่า พลายชุมพล แล้วขุนแผนกับพลายงามก็คุมทัพมุ่งสู่เชียงใหม่ ขุนแผนได้แวะเยี่ยมพระพิจิตรกับนางบุษบาซึ่งเคยให้ความช่วยเหลือ เมื่อครั้งขุนแผนกับนางวันทองเข้ามอบตัว พลายงามจึงได้พบนางศรีมาลาและได้นางเป็นภรรยา จากนั้นก็คุมทัพไปรบกับเชียงใหม่ได้ชัยชนะ ครั้นกลับถึงกรุงศรีอยุธยา ขุนแผนได้เป็นพระสุรินฤาไชย เจ้าเมืองกาญจนบุรี พลายงามได้เป็นจมื่นไวยวรนาถ และสมเด็จพระพันวษาก็ยกนางสร้อยฟ้าธิดาของพระเจ้าเชียงอินทร์ให้แต่งงานกับพระไวยพร้อม ๆ กับนางศรีมาลา
พระไวยอยากให้แม่มาอยู่กับตนและคืนดีกับพ่อ จึงไปลักพานางวันทองมาขุนช้างเคืองมากไปฟ้องสมเด็จพระพันวษา จึงมีการไต่สวนคดีกันอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดสมเด็จพระพันวษาก็ถามความสมัครใจของนางว่าจะเลือกอยู่กับใคร นางตัดสินใจไม่ได้ สมเด็จพระพันวษาหาว่านางเป็นหญิงสองใจจึงสั่งให้นำตัวไปประหารชีวิต พระไวยพยายามอ้อนวอนขออภัยโทษได้ แต่ไปห้ามการประหารไม่ทัน
ในครอบครัวของพระไวยก็ไม่ราบรื่นนัก เพราะนางสร้อยฟ้าไม่พอใจที่พระไวยและนางทองประศรีรักนางศรีมาลามากกว่านาง จึงมักจะมีการทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอ นางสร้อยฟ้าเจ็บใจจึงให้เถรขวาดทำเสน่ห์ให้พระไวยหลงรักนาง แล้วนางสร้อยฟ้าก็หาเรื่องใส่ความให้พระไวยตีนางมาลา พลายชุมพลเข้าไปห้ามก็ถูกตีไปด้วย พลายชุมพลน้อยใจจึงหนีออกจากบ้านไปหาพ่อแม่ที่กาญจนบุรีเล่าเรื่องให้ฟัง แล้วหนีต่อไปหายายที่สุโขทัย ได้บวชเณรและเล่าเรียนอยู่ที่นั้น
ฝ่ายขุนแผนรีบไปที่บ้านของพระไวย แล้วเสกกระจกมนต์ให้ดูว่าถูกทำเสน่ห์ แต่พระไวยไม่เชื่อหาว่าพ่อเล่นกลให้ดู และพูดลำเลิกบุญคุณที่ช่วยพ่อออกมาจากคุกขุนแผนแค้นมากประกาศตัดพ่อตัดลูก แล้วกลับกาญจนบุรีทันที
พลายชุมพลเรียนวิชาสำเร็จแล้วก็นัดหมายกับขุนแผนจแก้แค้นพระไวย โดยพลายชุมพลสึกจากเณรปลอมเป็นมอญ ใช้ชื่อ สมิงมัตรา ยกกองทัพหุ่นหญ้าเสกมาถึงสุพรรณบุรี สมเด็จพระพันวษา ให้ขุนแผนยกทัพไปต้านศึก ขุนแผนแกล้งแพ้ให้ถูกจับได้พระไวยจึงต้องยกทัพไปและต่อสู้กับพลายชุมพล ระหว่างที่กำลังต่อสู้กัน ขุนแผนบอกให้พลายชุมพลจับตัวพระไวยไว้ พระไวยเห็นพ่อก็ตกใจหนีกับไปฟ้องสมเด็จพระพันวษาพระองศ์จึงให้นางศรีมาลาไปรับตัวขุนแผนกับพลายชุมพลเข้าวัง พลายชุมพลอาสาจับเสน่ห์ โดยขอหมื่นศรีไปเป็นพยานด้วย พลายชุมพลจับตัวเถรขวาดกับเณรจิ๋วไว้ แล้วขุดรูปปั้นลงอาคมที่ฝั่งไส้ใต้ดินขึ้นมาได้เสน่ห์จึงคลาย ตกดึกเถรขวาดกับเณรจิ๋วสะเดาะโซ่ตรวนหนีไป ในการไต่สวนคดีนางสร้อยฟ้า ไม่ยอมรับว่าเป็นคนทำเสน่ห์ และใส่ร้ายว่านางศรีมาลาเป็นชู้กับพลายชุมพล พอนางจับได้พลายชุมพลก็หนีไปยุยงขุนแผน ในที่สุดก็มีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์โดยการลุยไฟนางสร้อยฟ้าแพ้ถูกไฟลวกจนพุพอง ส่วนนางศรีมาลาไม่เป็นอะไรเลย สมเด็จพระพันวษาสั่งประหารนางสร้อยฟ้า แต่นางศรีมาลาช่วยขออภัยโทษให้ จึงเพียงถูกเนรเทศกลับไปอยู่ที่เชียงใหม่เช่นเดิม ระหว่างเดินทางก็พบเถรขวาดกับเณรจิ๋ว จึงเดินทางไปด้วยกัน กลับถึงเชียงใหม่ได้ไม่นานกนางก็ให้กำเนิดลูกชาย ชื่อ พลายยง ส่วนนางศรีมาลาก็คลอดลูกชายเช่นกัน ขุนแผนตั้งชื่อให้ว่า พลายเพชร
พระเจ้าเชียงอินทร์ ตั้งเถรขวาด เป็นพระสังฆราชเพื่อตอบแทนความดีความชอบที่พานางสร้อยฟ้าที่กลับบ้านเมืองได้อย่างปลอดภัย แต่เถรขวาดยังแค้นพลายชุมพล จึงเดินทางมาที่กรุงศรีอยุธยา แปลงเป็นจระเข้อาละวาดฆ่าคนและสัตว์เลี้ยงไปมากมาย พลายชุมพลจึงอาสาออกปราบจระเข้จนสำเร็จ ไดตัวเถรขวาดมาประหารชีวิต พลายชุมพลได้บรรดาศักดิ์เป็นหลวงนายฤทธิ์ นับจากนั้นเป็นตนมาทุกคนก็อยู่กันอย่างมีความสุข
๓. อิเหนา
๓. อิเหนา
เรื่องย่ออิเหนา
ฝ่ายองค์อสัญแดหวา (ปะตาระกาหลา) เทวดาผู้ทรงเป็นต้นวงศ์เทวาไม่พอพระทัย อิเหนา เห็นว่าต้องดัดสันดานให้สำนึกตัว จึงบันดาลให้วิหยาสะกำ โอรสท้าวกะหมังกุหนิงเก็บรูปนางบุษบาได้ เกิดคลั่งไคล้รบเร้าให้พระบิดาไปขอ ท้าวดาหาก็ให้ไม่ได้ ท้าวกะหมังกุหนิงก็รักลูกมาก จึงยกทัพไปรบเพื่อแย่งชิงนางบุษบา
ท้าวดาหาแจ้งข่าวให้ท้าวกุเรปันและจรกายกทัพมาช่วย ท้าวกุเรปันโปรดให้อิเหนาเป็นแม่ทัพยกไปช่วย อิเหนาจึงจำใจต้องจากนางจินตะหรายกทัพไปช่วยท้าวดาหารบจนได้ชัยชนะ และฆ่าท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำตาย หลังจากเสร็จศึกแล้ว อิเหนาได้เข้าเฝ้าได้ท้าวดาหา และเมื่อได้พบนางบุษบาเป็นครั้งแรก อิเหนาถึงกับตะลึงหลงนางบุษบา
ต่อมา มะเดหวีซึ่งคงจะวุ่นพระทัยว่าบุษบาจะลงเอยประการใด จึงชวนบุษบากับนางกำนัลไปทำพิธีเสี่ยงเทียนยังวิหาร ใกล้ๆวิหารนั้นพวกอิเหนากำลังตั้งวงเตะตะกร้อ ครั้นพวกสาวใช้มะเดหวีขึ้นมาไล่ ก็พากันวิ่งหนีกระจายไป แต่อิเหนา สังคามาระตาและประสันตาวิ่งเข้าไปแอบอยู่หลังพระปฏิมาในวิหาร วิธีเสี่ยงทายนั้น ใช้เทียนสามเล่ม เล่มหนึ่งเป็นบุษบา ปักตรงหน้านาง อีกเล่มเป็นอิเหนาปักข้างขวา และข้างซ้ายเป็นจรกา แล้วมะเดหวีสอนให้บุษบากล่าวอธิษฐานว่า "...แม้น...จะได้ข้างไหนแน่ ให้ประจักษ์แท้จงหนักหนา แม้นจะได้ข้างระตูจรกา ให้เทียนพี่ยานั้นดับไป..." บุษบาแม้จะอายใจเต็มทีก็จำต้องทำตามมะเดหวี แล้วก็มีเสียงจากปฏิมาว่า "...อันนางบุษบานงเยาว์ จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นมั่น จรกาใช่วงศ์เทวัญ แม้นได้ครองกันจะอันตราย" มะเดหวีได้ยินดังนั้น ก็ตื่นเต้นดี พระทัย แต่ไม่ช้าเรื่องก็แตก เพราะอิเหนาต้อนค้างคาวจนเทียนดับ แล้วใช้ความมืดเข้ามากอดบุษบา แล้วก็ไม่ยอมปล่อย จนพี่เลี้ยงไปเอาคบเพลิงมา ก็เห็นอิเหนากอดบุษบาไว้แน่น มะเดหวีจะกริ้วโกรธอย่างไร ก็เห็นว่าเสียทีอิเหนาเสียแล้ว จึงยอมสัญญาว่าจะหาทางให้อิเหนาได้กับบุษบา อิเหนาจึงยอมปล่อย ครั้นไม่เห็นทางได้บุษบาแต่โดยดี อิเหนาก็คิดอุบายที่ร้ายแรงที่สุด คือเผาโรงมโหรสพในพิธีแต่งงานของบุษบาและจรกาในเมืองดาหา แล้วลักนางไปไว้ ในถ้ำทอง ซึ่งเตรียมไว้ก่อนแล้ว
องค์ปะตาระกาหลากริ้วอิเหนามาก จึงบันดาลให้เกิดพายุใหญ่หอบรถนางบุษบาและพี่เลี้ยงไปตกที่ชายเมืองประมอตัน
แล้วแปลงกายนางบุษบาให้เป็นชายชื่อว่า อุณากรรณ ประทานกริชวิเศษให้ และบอกให้เดินทางเข้าสู่เมืองประมอตัน ต่อจากนี้ก็ถึงบทมะงุมมะงาหรา (ท่องเที่ยวหา) อิเหนาเป็นฝ่ายตามหา บุษบาเป็นฝ่ายหนีเดินทางไปตามเมืองต่างๆ ปราบเมืองนั้นๆ ไว้ในอำนาจ มีเหตุการณ์สนุกตื่นเต้นสลับซับซ้อน เช่น ธิดาเจ้าเมืองต่างๆ เข้าใจว่าอุณากรรณเป็นผู้ชายก็หลงรัก ตอนมะงุมมะงา หราเป็นเรื่องราวสักครึ่งหนึ่งของเรื่องทั้งหมด
เมื่อสิ้นเวรสิ้นกรรมแล้ว กษัตริย์วงศ์เทวาทั้งหมดก็ได้พบกัน อิเหนาได้ปรับความเข้าใจกับนางจินตะหราและได้ครองเมืองกุเรปันอย่างมีความสุขสืบ ไป
เพลงบุษบาเสี่ยงเทียน
" เทียนจุดเวียนพระพุทธา ตัวข้า บุษบาขออธิษฐาน
...เทียนที่เวียนนมัสการ บันดาลให้ หทัยสมปรารถนา
ดลจิตอิเหนา ให้เขามารักข้า ขอองค์พระปฏิมา เมตตาช่วยคิดอุ้มชู
ขอเทียนที่เวียนวน ดลฤทัยสิงสู่ ให้องค์ระเด่นเอ็นดู อย่าได้รู้คลายคลอน
...อ้า องค์พระพุท-ธา ตัวข้า บุษบาขอกราบวิงวอน
...ข้าสวดมนต์ขอพระพรวิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี
รักอย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่ ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา
ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้ารักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ ตั้งใจ
อ้า องค์พระพุทธา ตัวข้า บุษบาขอกราบวิงวอน
ข้าสวดมนต์ ขอพระพร วิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี
รัก อย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่ ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา
ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้า รักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ตั้งใจ.."
๒. พระอภัยมณี
๒. พระอภัยมณี
เรื่องย่อพระอภัยมณี
ท้าวสุทัศน์และพระนางประทุมเกสร ผู้ครองกรุงรัตนา มีพระโอรสสององค์ คือ พระอภัยมณี และศรีสุวรรณ ได้รับสั่งให้โอรสทั้งสองไปเรียนศิลปวิทยา ในที่สุดพระอภัยมณีได้เรียนวิชาปี่ ขณะที่ศรีสุวรรณได้เรียนวิชากระบี่กระบอง เมื่อสำเร็จวิชา ก็ได้กลับคืนพระนคร ทว่าพระบิดาทรงกริ้ว ด้วยพระโอรสไปเรียนวิชาชั้นต่ำ ไม่คู่ควรแก่กษัตริย์ จึงไล่ทั้งสองออกจากพระนครทั้งสองเดินทางมาถึงชายทะเล ได้พบกับสามพราหมณ์คือ โมรา สานนท์ และวิเชียร ได้สมัครเป็นมิตรกัน แล้วพระอภัยมณีเป่าปี่ให้คนทั้งหมดฟัง ทั้งหมดเคลิบเคลิ้มตามเพลงปี่จนหลับไป เพลงปี่ดังไปถึงนางผีเสื้อสมุทรที่อาศัยอยู่ในทะเล เมื่อตามเสียงปี่มาพบพระอภัยมณีก็หลงรัก จึงลักพาตัวพระอภัยมณีไปอยู่กับนางบนเกาะ แล้วจำแลงร่างเป็นหญิงสาวสวยงาม แม้พระอภัยรู้อยู่ว่านั่นคือนางยักษ์ แต่ก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ทั้งสองอยู่กินกันมาจนนางผีเสื้อให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ชื่อว่า สินสมุทร
ด้านศรีสุวรรณกับสามพราหมณ์เมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบพระอภัยมณีก็เที่ยวค้นหา จนไปถึงเมืองรมจักรพบศึกติดพัน ศรีสุวรรณกับสามพราหมณ์ช่วยรบป้องกันเมืองได้ ได้พบนางเกษราธิดาของเจ้าเมือง ต่อมาศรีสุวรรณได้อภิเษกนางเกษรา มีพระธิดาชื่อนางอรุณรัศมี
วันหนึ่งสินสมุทรออกไปเที่ยวเล่นเจอพ่อเงือกแม่เงือก จึงจับตัวมาให้พระอภัยดู พ่อเงือกแม่เงือกวอนขอชีวิตโดยเสนอจะพาพระอภัยหนี พระอภัยจึงออกอุบายให้นางผีเสื้อไปถือศีลบนเขาสามวัน ระหว่างนั้นเขาก็พาสินสมุทรหนี พ่อเงือกแม่เงือกพาพระอภัยและสินสมุทรมาเกือบถึงเกาะแก้วพิสดารแล้ว แต่นางผีเสื้อรู้ตัวติดตามมาทัน จับพ่อเงือกแม่เงือกฆ่าเสีย นางเงือกผู้ลูกพาพระอภัยกับสินสมุทรหนีไปจนถึงเกาะแก้วพิสดารได้สำเร็จ บนเกาะนี้มีพระฤๅษีมีฤทธิ์มาก นางผีเสื้อจึงไม่กล้าทำอะไร ทั้งหมดอาศัยอยู่บนเกาะแก้วพิสดาร พระอภัยได้นางเงือกเป็นภริยา
ฝ่ายท้าวสิลราชกับพระนางมณฑา ผู้ครองเมืองเมืองผลึก มีพระธิดาองค์เดียวคือ นางสุวรรณมาลี ทรงเป็นคู่หมั้นอยู่กับอุศเรน เจ้าชายเมืองลังกา วันหนึ่งนางสุวรรณมาลีเกิดนิมิตฝัน โหรทำนายว่าต้องออกเที่ยวทะเลจะได้พบลาภ ทั้งหมดจึงเดินเรือเที่ยวท่องไป แต่เกิดพายุใหญ่พัดเรือไปถึงเกาะนาควาริน คำทำนายของปู่เจ้าทำให้ท้าวสิลราชพากองเรือมุ่งหน้าไปยังเกาะแก้วพิสดาร ได้พบพระอภัยมณีและรับพระอภัยมณีกับสินสมุทรขึ้นเรือไปด้วยเพื่ออาศัยกลับบ้านเมือง แต่เมื่อเรือออกจากเกาะ นางผีเสื้อสมุทรก็มาอาละวาดอีกจนเรือแตก ท้าวสิลราชกับบริวารส่วนใหญ่สิ้นชีพ สินสมุทรพานางสุวรรณมาลีหนีไปได้ พระอภัยมณีเป่าปี่สังหารนางยักษ์
ทั้งหมดแตกกระจายพลัดพรายจากกัน พระอภัยมณีได้รับความช่วยเหลือจากอุศเรน คู่หมั้นของนางสุวรรณมาลี ที่ออกเรือมาตามหาเพราะหายไปนาน ส่วนสินสมุทรกับนางสุวรรณมาลีได้โจรสุหรั่ง โจรสลัดในน่านน้ำนั้นช่วยไว้ได้ แต่โจรคิดทำร้าย สินสมุทรจึงสังหารโจรแล้วครองเรือมาเอง แล้วได้พบศรีสุวรรณที่ออกล่องเรือเที่ยวตามหาพี่ชาย ทั้งหมดเดินทางไปด้วยกันจนมาพบพระอภัยมณีกับอุศเรน สินสมุทรรักนางสุวรรณมาลีอยากได้เป็นแม่ จึงเกิดวิวาทกับอุศเรน พระอภัยมณีไปเมืองผลึกกับนางสุวรรณมาลีและได้ขึ้นครองเมืองแทนท้าวสิลราช อุศเรนแค้นและกลับเมืองลังกายกทัพมาตีเมืองผลึก แต่แพ้อุบายนางวาลีจนสิ้นชีวิต นางละเวงวัณฬาผู้น้องสาวคิดแก้แค้น จึงใช้รูปของตนทำเสน่ห์ส่งไปหัวเมืองต่าง ๆ ให้ยกทัพมาตีเมืองผลึก
ด้านเกาะแก้วพิสดาร นางเงือกให้กำเนิดบุตรชื่อ สุดสาคร เป็นเด็กฉลาดแข็งแรง วันหนึ่งสุดสาครจับม้านิลมังกรได้ พระฤๅษีสอนวิชาให้แล้วเล่าเรื่องพระอภัยมณีให้ฟัง สุดสาครออกเดินทางตามหาพระอภัยมณีจนไปถึงเมืองการเวก ระหว่างทางถูกชีเปลือยหลอกขโมยไม้เท้าและม้านิลมังกรไป แต่พระฤๅษีมาช่วยไว้ เมื่อชิงไม้เท้าและม้านิลมังกรคืนมาได้ ก็เข้าเมืองการเวก กษัตริย์เจ้าเมืองรักใคร่เอ็นดูสุดสาคร จึงเลี้ยงดูเป็นโอรสบุญธรรมอยู่ด้วยกันกับนางเสาวคนธ์และหัสไชยพระธิดาและพระโอรส จนเติบใหญ่ สุดสาครคิดออกตามหาพ่อ เจ้าเมืองการเวกจึงจัดกองเรือให้ โดยมีนางเสาวคนธ์และหัสไชยติดตามไปด้วย ทั้งหมดล่องเรือไปถึงเมืองผลึกขณะถูกทัพลังกาและทัพพันธมิตรล้อมเมือง
พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ สินสมุทร และสุดสาคร ช่วยเมืองผลึกรบจนสามารถเอาชนะทัพอื่นๆ ได้ พระอภัยมณีได้รูปวาดนางละเวงที่ลงเสน่ห์ทำให้เมืองต่าง ๆ พากันยกมารบเมืองผลึกตามคำขอนางนาง แล้วเกิดต้องมนต์ของนางละเวงเสียเอง พระอภัยยกทัพตามไปตีเมืองลังกา แต่รบกันเท่าใดก็ไม่แพ้ชนะเสียที ต่อมาพระอภัยมณีลอบติดรถนางละเวงเข้าไปในวัง เมื่อนางละเวงได้พบพระอภัยก็ฆ่าไม่ลง กลับหลงรักจนได้เป็นสามีภรรยากัน ส่วนบริวารอื่นของนางละเวงคือนางยุพาผกา รำภาสะหรี และสุลาลีวัน ใช้เสน่ห์กับฝ่ายพระอภัยมณี ได้แก่ ศรีสุวรรณ สินสมุทร และแม้แต่สุดสาครที่ครองตนเป็นฤๅษีก็ต้องมนต์ไปด้วย จนทั้งหมดหลงมัวเมาติดพันอยู่ในลังกาไม่ยอมกลับเมืองผลึก นางสุวรรณมาลีกับอรุณรัศมีและเสาวคนธ์จึงมาตาม แต่ไม่เป็นผล จนต้องให้หัสไชยช่วยแก้เสน่ห์ให้ลุงและเหล่าพี่ กษัตริย์ทั้งหมดยอมสงบศึกต่อกัน แต่นางเสาวคนธ์แค้นสุดสาครจึงหนีไปเมืองวาหุโลม สุดสาครต้องติดตามไปจนภายหลังจึงได้อภิเษกกัน
ด้านกรุงรัตนา ท้าวสุทัศน์สิ้นพระชนม์ พระอภัยมณีกับเหล่ากษัตริย์จึงเดินทางไปทำศพ มังคลาบุตรของพระอภัยมณีกับนางละเวงได้ครองเมืองลังกา แต่ถูกบาทหลวงยุแหย่จึงแค้นเคืองเหล่ากษัตริย์ จับตัวนางสุวรรณมาลีและพระญาติมาขังไว้ หัสไชยกับสุดสาครยกทัพมาช่วยแต่ไม่สำเร็จ แม้แต่นางละเวงผู้เป็นมารดาเองก็ห้ามปรามไม่ได้ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณยกทัพตามมาจึงเอาชนะศึกได้ จบศึกแล้วพระอภัยมณีอภิเษกโอรสทั้งหลายให้ครองเมืองต่าง ๆ แล้วออกบวชพร้อมกับนางสุวรรณมาลีและนางละเวงก็บวชชีแล้วตามไปปรนนิบัติด้วย ทั้งสามบำเพ็ญศีลอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข
๑. รามเกียรติ์
๑. รามเกียรติ์
เรื่องย่อรามเกียรติ์
เนื้อเรื่องตอนที่ 1
เป็นการเล่าแนะนำตัวละครสำคัญทุกพงศ์ คือกำเนิดตัวละคร แล้วดำเนินเรื่องตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น กล่าวถึงเรื่องหิรันต์ยักษ์ม้วนแผ่นดิน จนพระนารายณ์อวตารลงไปปราบ แล้วกล่าวถึงราชวงศ์มนุษย์ อสูรพงศ์ และวานรพงศ์ ราชวงศ์มนุษย์ มีท้าวอโนมาตัน เป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงอโยธยา อภิเษกกับนางมณีเกสร มีโอรสชื่อท้าวอัชบาล ได้รับมอบราชสมบัติสืบต่อมา และได้อภิเษกกับนางอัปสร มีโอรสชื่อท้าวทศรถ อสูรพงศ์ มีท้าวสหบดีพรหมสร้างเมืองลงกา แล้วให้ท้าวธาดาพรหม
หรือท้าวจตุพักตร์ไปครองเมืองลงกา และได้อภิเษกกับนางมลิกา ต่อมามีโอรสชื่อท้าวลัสเตียนได้รับมอบราชสมบัติสืบต่อมา ท้าวลัสเตียนมีมเหสี 5 พระองค์ มีโอรสที่เกิดจากมเหสีแต่ละองค์คือ กุเปรัน เป็นโอรสที่เกิดจากนางศรีสุนันทา ทัพนาสูรเป็นโอรสที่เกิดจากนางจิตรมาลา อัศธาดาเป็นโอรสที่เกิดจากนางสุวรรณมาลัย มารันเป็นโอรสที่เกิดจากนางวรประไภ ส่วนนางรัชฎามเหสีองค์ที่ 5 กำเนิดโอรสธิดารวม 7 พระองค์คือ ทศกัณฐ์ กุมภกรรณ พิเภก ขร ทูษณ์ ตรีเศียร และนางสำมนักขา ตามลำดับ ส่วนวานรพงศ์ได้กล่าวถึงกำเนิดของพาลี ว่าเป็นลูกของพระอินทร์กับนางกาลอัจนากำเนิดของสุครีพ ว่าเป็นลูกของพระอาทิตย์กับนาง กาลอัจนา หนุมานเป็นลูกของพระพายกับนางสวาหะ นางสวาหะเป็นบุตรีของฤาษีโคดมกับนางกาลอัจนา
ชมพูพาน ซึ่งพระอิศวรชุบด้วยเหงื่อไคลของพระองค์ และกล่าวถึงกำเนิดของนางมณโฑที่ฤาษีทั้ง 4 ตน ได้ชุบมาจากกบ และองคต ซึ่งเป็นลูกของพาลีกับนางมณโฑ
นอกจากนั้นยังกล่าวถึง เรื่องของนนทุก (ชาติก่อนของทศกัณฐ์) ว่าเป็นผู้มีหน้าที่ล้างเท้าเทวดา นนทุกเจ็บใจเทวดาทั้งหลาย
ที่ชอบข่มแหง แกล้งตบหัว ลูบหน้า ถอนผมจนโกร๋น จึงขอพระอิศวรให้มีนิ้วเพชรชี้ผู้ใดผู้นั้นตาย ต่อมาเมื่อนนทุกล้างเท้าให้ใคร และถูกล้อเลียน นนทุกก็ชี้ด้วยนิ้วเพชร ทำให้เทวดาตายเป็นอันมาก พระนารายณ์จึงอวตารเป็นนางฟ้าไปปราบนนทุก ล่อให้นนทุกรำตาม (ที่มาของรำแม่บท) จนนิ้วเพชรชี้ขาตนเองขาดล้มลง นางฟ้าจึงกลับเป็นพระนารายณ์ใช้ตรีตัดหัวนนทุกขาด ก่อนตายนนทุกต่อว่าพระนารายณ์ว่าเอาเปรียบตนเพราะมีถึงสี่มือ แต่ตนมีเพียงสองมือจะสู้พระนารายณ์ได้อย่างไร พระนารายณ์จึงสาปให้นนทุกไปเกิดใหม่มีสิบหน้ายี่สิบมือ แล้วพระองค์จะเป็นมนุษย์สองมือลงไปสังหาร อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องเทวดาจับระบำมีรามสูรเมขลาเข้ามาไล่กัน ขณะที่รามสูรขว้างขวานไล่นางเมขลา มีเทวดาชื่ออรชุนเข้ามาขัดขวาง จึงถูกรามสูรจับขาของอรชุนฟาดกับเหลี่ยมเขาพระสุเมรุจนอรชุนตาย และทำให้เขาพระสุเมรุเอนทรุด พระอิศวรจึงต้องประกาศหาผู้มาตั้งเขาพระสุเมรุให้ตรง และในคราวนั้นสุครีพออกอุบายทำให้เขาพระสุเมรุตั้งตรงได้ พระอิศวรจึงมอบนางดาราใส่ผอบแก้วให้สุครีพ โดยฝากพาลีไปให้ พาลีสาบานว่าถ้าตนไม่ให้นางแก่สุครีพ ขอให้ต้องศรของพระนารายณ์ แต่พาลีผิดคำสาบาน เกี้ยวนางดาราเป็นเมียตนเสียเอง และเรื่องอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องทรพาทรพี กล่าวถึงนนทกาล ข้าของพระอิศวรไปเกี้ยวนางฟ้าชื่อมาลี จึงถูกพระอิศวรสาปให้เป็นควายป่า เมื่อถูกลูกสังหารจึงจะพ้นคำสาป
เนื้อเรื่องในตอนนี้ ยังกล่าวถึงทศกัณฐ์ได้นางมณโฑ ทศกัณฐ์รบแพ้อรชุนและพาลีถึงสองครั้ง จึงให้ฤาษีโคบุตรช่วยถอดดวงใจ
เก็บรักษาไว้ที่กุฏิกลางป่า ใครมาฆ่าก็ไม่ตาย เป็นเหตุให้ทศกัณฐ์กำเริบ อยากได้บุษบกแก้วของกุเปรันผู้พี่ชาย จึงได้รบกัน กุเปรันสู้ไม่ได้หนีไปหาพระอิศวร พระอิศวรวถอดงาช้างขว้างไปปักอกทศกัณฐ์ และสาปให้ติดอยู่ตลอดไป ต่อมาเมื่อตายแล้วจึงหลุด ทศกัณฐ์ได้ไปหาพระวิษณุกรรมให้ช่วยเลื่อยงาส่วนที่ยื่นออกมา แล้วเนรมิตเครื่องประดับปิดงาที่จมอยู่ในอกนั้น แล้วได้เล่าเรื่องรณพักตร์ ลูกของทศกัณฐ์กับนางมณโฑได้บำเพ็ญตบะ จึงได้ศรสามเล่มจากพระเป็นเจ้าแล้วรบชนะพระอินทร์และได้จักรแก้ว
ของพระอินทร์มายังเมืองลงกา ทศกัณฐ์จึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า อินทรชิต แปลว่าผู้รบชนะพระอินทร์
เนื้อเรื่องตอนที่ 2
เป็นเรื่องราวของพระรามตั้งแต่ประสูติ จนกระทั่งเสร็จศึกลงกา เริ่มเรื่องตั้งแต่ท้าวทศรถแห่งกรุงอโยธยา มีมเหสีสามองค์ แต่ไม่มีโอรส จึงทำพิธีขอโอรสจากเทวดา โดยเชิญฤาษีกไลโกฎมาเป็นประธาน ในระหว่างทำพิธี มีอมนุษย์เชิญถาดข้าวทิพย์ผุดขึ้นมา
กลางกองไฟในพิธี นางกากนาสูรโฉบไปได้ครึ่งก้อนให้นางมณโฑมเหสีของทศกัณฐ์ นางเสวยแล้วทรงครรภ์คลอดลูกเป็นนางสีดา แต่พิเภกทำนายว่าเป็นกาลกิณีเกิดมาล้างผลาญวงศ์ยักษ์ ทศกัณฐ์จึงเอาไปทิ้งน้ำเสีย พระชนกแห่งเมืองมิถิลาซึ่งทรงผนวชเป็นฤาษี เก็บนางขึ้นใส่ผอบฝังไว้ในดิน ต่อมาจึงขุดขึ้นแล้วเลี้ยงไว้เป็นธิดาบุญธรรม ส่วนมเหสีของท้าวทศรถทั้งสามองค์ เมื่อเสวยข้าวทิพย์ จึงทรงครรภ์และประสูติโอรส คือนางเกาสุริยาประสูติพระราม นางไกยเกษีประสูติพระพรต นางสมุทรชาประสูติพระลักษมณ์และพระสัตรุด ตามลำดับ
เมื่อพระรามมีพระชันษาได้ 16 ปี ได้ไปปราบยักษ์คือกากนาสูร ตามคำขอของพระฤาษี ที่ถูกยักษ์มารังควานจนบำเพ็ญพรตไม่ได้ พระรามพระลักษณ์ฆ่ากากนาสูรตาย ต่อมารีศกับสวาหุลูกของกากนาสูรมาแก้แค้นแทนมารดา สวาหุตาย มารีศหนีไปได้แล้วพระฤาษี
ีจึงพาพระรามและพระลักษณ์ไปเมืองมิถิลา ในขณะนั้นท้าวชนกประกาศเชิญกษัตริย์ทั้งปวงให้ประลองกำลังยกศร พระรามยกได้ จึงได้อภิเษกกับนางสีดาตอนเดินทางกลับอโยธยา พระรามต่อสู้กับรามสูร และพระรามชนะ
ส่วนเรื่องทรพีกล่าวถึงควายทรพีคอยวัดรอยตีนพ่อ ครั้นโตเท่าพ่อแล้วก็ท้าทรพารบและได้ฆ่าพ่อตาย แล้วกล่าวถึงพาลีรบกับทรพีในถ้ำ
จนเลือดไหลออกมาปากถ้ำ สุครีพน้องพาลีเข้าใจว่าพี่ถูกฆ่าตายจึง ปิดปากถ้ำเมื่อพาลีออกจากถ้ำได้ก็โกรธ ขับสุครีพให้ออกจากเมือง สุครีพจึงไปอยู่ป่ากล้วยแห่งเดียวกับที่ หนุมานบำเพ็ญพรตอยู่
ในสมัยที่พระรามเรียนศิลปศาสตร์หัดยิงศร ได้ยิงศรล้อนางกุจจีพี่เลี้ยงหลังค่อมของนางไกยเกษี เป็นเหตุให้นางผูกใจเจ็บ
ทูลยุยงให้นางไกยเกษีของราชสมบัติให้พระพรต และขอให้เนรเทศพระรามออกเดินป่าเป็นเวลา 14 ปี ท้าวทศรถจำต้องปฏิบัติ
ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับนางไกยเกษี พระรามจึงต้องออก เดินป่า มีพระลักษมณ์และนางสีดาติดตามไปด้วย ฝ่ายพระพรตและพระสัตรุดอนุชาพระราม ซึ่งอยู่ที่เมืองไกยเกษได้ทราบข่าวว่าพระบิดาจะอภิเษกพระรามเป็นยุพราช จึงเดินทางมาอโยธยาจะช่วยงาน แต่เมื่อได้ทราบความจริงว่าพระรามถูกเนรเทศ และพระบิดาสิ้นพระชนม์ พระพรตโกรธพระมารดามาก เมื่อจัดการพระศพท้าวทศรถแล้วก็ออกตามพระรามกลับมาครองราชย์ แต่พระรามไม่ยอม อ้างว่าต้องการรักษาความสัตย์ของบิดา จึงได้ประทานรองพระบาทหญ้ามาตั้งไว้แทนพระองค์ และพระพรตรักษาเมืองคอยพระราม
จนกว่าจะเสด็จกลับ
พระราม พระลักษณ์ และนางสีดาได้เดินทางต่อไป ได้พบอสูรชื่อพิราพ พระรามรบชนะ เดินป่าต่อไปถึงฝั่งแม่น้ำโคทาวารี นางสำมนักขาน้องสาวทศกัณฐ์ ซึ่งขณะนั้นเศร้าโศกเพราะชิวหาผู้เป็นสามีตายไป ครั้นนางพบพระรามจึงหลงรักอยากได้พระรามเป็นสามี เมื่อไม่สำเร็จจึงรังแกนางสีดา จนพระลักษณ์ต้องตัดตีนมือและเชือดหูจมูกขาด นางจึงไปฟ้องพี่ทั้งสามคือ ทูษณ์ ขร และตรีเศียร ให้มาแก้แค้นแทน แต่ถูกพระรามสังหารตายหมด นางสำมนักขาจึงไปเล่าถึงความงามของนางสีดาให้ทศกัณฐ์ฟัง ทศกัณฐ์ให้
มารีศแปลงเป็นกวางทองมาล่อ นางสีดาอยากได้กวางทองจึงขอให้พระรามออกตามจับ ระหว่างนี้ทศกัณฐ์จึงเข้าลักพานางสีดาไปได้ พระรามพระลักษณ์ออกติดตามพบนกสดายุและอสูรต่าง ๆ จนถึงป่ากล้วยที่หนุมานและสุครีพได้สาบานไว้ พระรามมีบริวารสำคัญที่เป็นลิงหลายตัว นอกจากหนุมานกับสุครีพอยู่ ได้พบหนุมานและสุครีพ ต่างสัญญาว่าจะช่วยเหลือกัน และพระรามได้ฆ่าพาลีตาย สมตามคำที่พาลีได้สาบานไว้ ตอนนี้พระรามมีบริวารสำคัญที่เป็นลิงหลายตัว นอกจากหนุมานกับสุครีพแล้ว ยังมีชมพูพาน นิลพัท องคต ฯลฯ กับพลลิงอีกมากมาย แล้วช่วยกันตามหานางสีดา ฝ่ายหนุมานได้ถวายแหวนของพระราม ขากลับได้ทำลายสวนทศกัณฐ์จนเกิดรบพุ่งกัน ในที่สุดยักษ์จับหนุมานได้ แต่ฆ่าเท่าไรก็ไม่ตาย หนุมานออกอุบายให้เผาตัว ทศกัณฐ์เสียรู้จุดไฟเผาหนุมาน หนุมานจึงเผาลงกาวอดวายสิ้นแล้วหนีรอดมาได้ ทศกัณฐ์ขอให้เทวดาสร้างเมืองลงกาให้ใหม่
ต่อมาทศกัณฐ์ฝันร้าย พิเภกทำนายว่าจะเสียเมืองเสียตัวและเสียวงศ์วานถ้าไม่ส่งสีดาคืน ทศกัณฐ์กริ้วขับพิเภกออกจากลงกา พิเภกจึงออกมาอยู่กับพระรามและทำพิธีถือน้ำถวายสัตย์ ทศกัณฐ์ปลอมเป็นฤาษีมายุให้พระรามระแวงพิเภกกับสุครีพแต่ไม่สำเร็จ ทศกัณฐ์จึงให้เบญกายลูกพิเภกปลอมเป็นสีดาทำตายลอยน้ำมา พระรามลงไปสรงน้ำเห็นเข้าก็เชื่อว่าจริงและเศร้าโศกมาก แต่หนุมานรู้เท่าทัน จึงจับนางไว้ซักถาม ได้นางเป็นเมียแล้วปล่อยไป ต่อมาพระรามให้พลลิงจองถนนข้ามทะเลไปลงกา ขณะที่จองถนนหนุมานได้วิวาทกับนิลพัท จนพระรามต้องส่งนิลพัทไปรักษาเมืองขีดขินและคอยส่งเสบียง แล้วมีเรื่องนางสุพรรณมัจฉาขัดขวางการจองถนน หนุมานลงไปจับตัวและนางเป็นเมีย มีบุตรชื่อมัจฉานุ ต่อมาไมยราพเจ้ากรุงบาดาลนำไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม เมื่อจองถนนเสร็จแล้วพระรามยกพลข้ามไปประชิดลงกา แล้วให้องคตเข้าไปสื่อสารขอสีดาคืน ทศกัณฐ์ให้จับองคต เกิดการต่อสู้กันขึ้นจนยักษ์ตายหลายตน องคตกลับมาได้ ทศกัณฐ์ให้ยกฉัตรแก้วขึ้นบัง ดวงอาทิตย์ทำให้มืดมน แล้วชวนนางมณโฑกับนางสนมกำนัลขึ้นไปอยู่บนฉัตรเพื่อดูกองทัพของพระราม ฝ่ายทหารพระรามมองไม่เห็นแสงอาทิตย์ สุครีพจึงขันอาสาไปหักฉัตร ได้เกิดสู้รบกับทศกัณฐ์ สุครีพชนะ ตอนต่อมากล่าวถึงไมยราพลักพระรามไปเมืองบาดาล แต่หนุมานตามไปช่วยกลับมาได้
ต่อมาจึงกล่าวถึงสงครามลงกา ซึ่งเป็นเรื่องยึดยาว ต่างฝ่ายต่างผลัดกันแพ้และชนะหลายครั้งหลายหน ทศกัณฐ์ได้ญาติมิตรจำนวนมากมาออกต่อสู้กับพระราม สรุปศึกครั้งสำคัญ ๆ ได้ดังนี้คือ
1. ศึกกุมภกรรณ เมื่อกุมภกรรณยกทัพออกมา พิเภกออกไปพูดขอร้องห้ามมิให้รบ กุมภกรรณฟังเหตุผลของพิเภก แต่ด้วยเห็นว่าทศกัณฐ์เป็นพี่ชาย จึงทำตามคำสั่งทศกัณฐ์ สุครีพยกทัพออกมารบ กุมภกรรณจับสุครีพหนีบรักแร้ไป แต่หนุมานไปช่วยหนีกลับมาได้ กุมภกรรณได้รบกับพระลักษมณ์ พระลักษมณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์ แต่แก้กันได้ ต่อมากุมภกรรณไปนอนทดน้ำมิให้ไหล เพื่อให้กองทัพพระราม อดน้ำ หนุมานตามไปแก้ได้และเมื่อกุมภกรรณยกมารบอีก จึงถูกพระรามสังหารตาย
2. ศึกอินทรชิต อินทรชิตได้รบกับฝ่ายพระรามหลายครั้ง บางครั้งได้ใช้กลอุบายหลอกฝ่ายพระราม เช่น แปลงเป็นพระอินทร์ขี่ช้างเอราวัณ ให้สุขาจารปลอมเป็นสีดา เอาตัวมาตัดหัวให้พระรามดูกลางสนามรบ และบางครั้งได้ใช้ฝีมือความสามารถต่อสู้กัน ต่างฝ่ายต่างผลัดกันเพลี่ยงพล้ำ และในที่สุดอินทรชิตต้องศรพระรามตาย
3. นอกจากนี้ยังมีสหายญาติมิตรของทศกัณฐ์อีกมากมายที่ช่วยทศกัณฐ์รบ แต่ถูกพระรามสังหาร เช่น สหัสเดชะ ราชาแห่งปางตาล และมูลพลัม อุปราชปางตาล ทั้งสองเป็นสหายทศกัณฐ์ แสงอาทิตย์ลูกพญาขร สัตลุงราชาแห่งจักรวาล ตรีเมฆลูกตรีเศียร สัทธาสูรราชาแห่งอัสดงสหายของทศกัณฐ์ วิรุณจำบังลูกพญาทูษณ์ เมื่อญาติมิตรเหล่านี้ถูกฆ่าตาย ทศกัณฐ์ทำพิธีอุโมงค์ชุบตัวให้เป็นกายสิทธิ์ แต่ไม่สำเร็จเพราะถูกทำลายพิธีเสียก่อน
ต่อมาทศกัณฐ์ไปเชิญท้าวมาลีวราชผู้มีวาจาสิทธิ์มาว่าความ ทศกัณฐ์กล่าวหาพระรามเพื่อให้ท้าว มาลีวราชแช่ง แต่ท้าวมาลีวราชมิได้หลงคำของทศกัณฐ์คือไม่ฟังความข้างเดียว ให้ไปเชิญพระราม นางสีดา เหล่าเทวดามาให้ปากคำ แล้วทรงชี้ขาดโดยคำพยานคนกลางคือนางสีดา และให้ทศกัณฐ์ส่งสีดาคืน ทศกัณฐ์ไม่ยอมจึงถูกท้าวมาลีวราชแช่ง ในที่สุดเมื่อทศกัณฐ์ออกทำสงคราม หนุมานรับอาสาไปหลอกเอากล่องดวงใจมาได้ ครั้นพระรามแผลงศรต้องทศกัณฐ์ หนุมานจึงขยี้ดวงใจทศกัณฐ์จนทศกัณฐ์สิ้นชีวิต
เมื่อได้นางสีดากลับคืนมาแล้ว พระรามให้นางสีดาลุยไฟเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ให้พิเภกครองลงกา แล้วพระราม พระลักษมณ์และนางสีดาเดินทางกลับอโยธยา ขณะเดินทางกลับ อัศกรรณสหายของทศกัณฐ์และบรรลัยกัลป์
ลูกของทศกัณฐ์ที่พญานาคเอาไปเลี้ยงไว้ ยกทัพมาสู้กันกับพระรามเพื่อแก้แค้นแทนทศกัณฐ์ แต่ถูกฆ่าตายหมด แล้วพระรามให้หนุมานครองเมืองอโยธยาเพื่อบำเหน็จความชอบ แต่หนุมานทำตามรับสั่งหนึ่งวัน ก็ถวายเมืองคืน เพราะเห็นว่าตนไม่สมควร พระรามจึงสร้างเมืองลพบุรีให้ครอง
เนื้อเรื่องตอนที่ 3
เป็นเรื่องราวของพระรามหลังจากกลับสู่อโยธยาแล้ว มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายตอนคือ ท้าว
มหาบาลเทพาสูรผู้ครองเมืองจักรวาลยกทัพมาแก้แค้นทศกัณฐ์ แต่ถูกพิเภกฆ่าตาย แล้วกล่าวถึงศึกท้าวจักรวรรดิแห่งมลิวัน ไพนาสุริวงศ์ ซึ่งเป็นลูกของนางมณโฑกับทศกัณฐ์ทราบว่าพิเภกไม่ใช่พ่อที่แท้จริง จึงได้ชักชวนท้าวจักรวรรดิจับพิเภกกับนางมณโฑใส่ตรุไว้ พระรามจึงให้พระพรตและพระสัตรุดมาช่วย ได้สังหารไพนาสุริวงศ์ และยกทัพไปตีเมืองมลิวันได้สำเร็จ
ต่อมากล่าวถึงนางอดูลปีศาจมาลวงให้นางสีดาเขียนรูปทศกัณฐ์แล้วเข้าสิงรูปนั้น พระรามเห็นเข้าก็กริ้วจึงให้พระลักษมณ์เอานางไปฆ่า แตะพระลักษมณ์ปล่อยนางไป และเอาหัวใจกวางมาถวายพระรามแทนหัวใจสีดา นางสีดาไปอาศัยอยู่กับพระฤาษีวัชมฤค และได้ประสูติโอรสองค์หนึ่งชื่อว่าพระมงกุฎ จึงประลอง ศรศิลป์จนดังสนั่นกึกก้องไปถึงอยุธยา พระรามอยากทราบว่าเป็นเสียงใครทำฤทธิ์ จึงปล่อยม้าอุปการ ผูกสารที่คอว่า ถ้าใครพบม้านี้ให้บูชาพระราม ถ้าขัดขืนถือว่าเป็นกบฏ กุมารทั้งสองพบม้าเข้าก็จับขี่เล่น หนุมานจึงเข้าไปจับกุม แต่แพ้สองกุมาร ในที่สุดพระรามยกกองทัพไปจับ ได้ความว่าเป็นพ่อลูกกัน จึงขอให้พานางสีดา และเชิญเข้าเมือง นางไม่ยอมกลับ พระรามจึงทำอุบายเข้าโกศให้หนุมานไปทูลว่าพระรามสิ้นพระชนม์จะถวายพระเพลิง นางสีดาร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างโกศ ครั้นทราบว่าถูกหลอกจึงแทรกแผ่นดินหนีไปอาศัยอยู่กับพญานาค พิเภกจึงให้พระรามเสดาะพระเคราะห์ออกเดินดงอีกครั้งหนึ่งเป็นเวลาหนึ่งปี ขณะที่เดินดงพระรามได้ปราบยักษ์อีกหลายตนคือ ท้าวกุเวร ปักษาวายุภักษ์ และท้าวอุณาราช ต่อมาพระอิศวรทราบว่าพระรามกับนางสีดายังไม่ปรองดองกัน จึงตรัสให้ทั้งสองพระองค์ขึ้นไปบนสวรรค์ ว่ากล่าวให้ คืนดีกัน แล้วประทานอภิเษกเสียใหม่และมีความสุขสืบมา
ในตอนจบ พวกคนธรรพ์มารบกวนฤาษีแล้วตีเมืองไกยเกษ ท้าวไกยเกษต้องหนีไปซ่อนตัวในป่า
พระรามจึงให้โอรสทั้งสองไปปราบได้ราบคาบ บ้านเมืองจึงมีความผาสุกสืบมา.
แนะนำตัว
แนะนำตัว
ชื่อ นางสาวบุษยพรรณ สุระคาย
รหัสนิสิต ๕๖๐๑๐๕๑๔๑๑๔
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)